การปลูกมะเขือหยกภูพาน (แบบละเอียด)
มะเขือหยกภูพาน หรือมะเขือใหญ่ยักษ์ สายพันธุ์ลาว มีถิ่นกำเนิดในประเทศลาว และเรียกมะเขือชนิดนี้ว่า มะเขือใหญ่ ส่วนชื่อไทย เรียกตามลักษณะที่มีสีเขียวเหมือนหยก และเพาะพันธุ์ครั้งแรกในประเทศไทย ที่ จ.สกลนคร จึงนำเอาชื่อ เขาภูพาน ในจังหวัดสกลนคร มารวมเข้าด้วยกัน เป็น มะเขือหยกภูพาน
มะเขือหยกภูพานเป็นมะเขือเปราะ ที่มีขนาดใหญ่มาก เมื่อเทียบกับขนาดมะเขือเปราะโดยทั่วไป แต่ประโยชน์ และสรรพคุณนั้น ไม่ต่างกันกับมะเขือเปราะที่เราพบเห็นทั่วๆ ไปผลของมะเขือเปราะหยกภูพาน โดยเฉลี่ยจะมีน้ำหนักอยู่ที่ประมาณ ครึ่งกิโลกรัม ถึง 2 กิโลกรัม ให้คุณค่าทางอาหารสูง เช่น วิตามินบี 1 วิตามินบี 2 วิตามินซี ธาตุเหล็กและแคลเซียม ส่วนวิธีการบริโภคนั้น ขึ้นอยู่กับความชอบของแต่ละบุคคล เช่น จิ้มน้ำพริก แกง และชุปแป้งทอด เป็นต้น แต่คงได้มื้อใหญ่เลยล่ะค่ะ ด้วยขนาดของมะเขือหยกภูพานนั่นเอง น่าทดลองปลูกไว้บ้างนะคะ เพราะ มะเขือหยกภูพาน ปลูกและดูแลไม่ยากเลย แต่ก็มีหลายคนที่สงสัยว่าเป็นมะเขือที่มาจากการตัดต่อพันธุกรรม GMOs มาหรือเปล่า? ….ไม่เลยค่ะ เป็นสายพันธุ์ธรรมชาติ
ลักษณะเฉพาะของมะเขือหยกภูพาน
– น้ำหนักผลตั้งแต่ 500 ถึง 2,000 กรัม ต่อผล
– ลำต้นสูง 80 ถึง 100 เซนติเมตร
– วันเพาะเมล็ด ถึง วันปลูกกล้า 30 วัน
– อายุดอกแรกบาน 40 ถึง 45 วัน
– อายุเก็บเกี่ยวผลแรก นับจากวันที่ออกผล 35 วัน
– อายุวันปลูก ถึง วันเก็บเกี่ยวผลผลิต 90 ถึง 105 วัน
– จำนวนกิ่งต่อต้น 6 ถึง 7 กิ่ง
– จำนวนผลต่อต้น 5 ถึง 7 ผล
– ผลผลิตเฉลี่ย 10,200 กิโลกรัม ต่อไร่
การปลูกมะเขือหยกภูพาน
ฤดูกาลที่เหมาะสม
– มะเขือชนิดนี้ชอบอากาศที่ค่อนข้างหนาว ช่วงเดือนพฤศจิกายน เป็นเดือนที่เหมาะสมที่สุด และสามารถเก็บเกี่ยวผลได้ในเดือนกุมภาพันธุ์ของทุกปี
ปัจจัยที่ควรคำนึงถึง
– สภาพดิน
– ดินมีความอุดมสมบูณ์
– ระบายน้ำได้ดี
– ไม่มีสารเคมีปนเปื้อน
สภาพพื้นที่ปลูก
– ไม่มีน้ำท่วมขัง
– ไม่อยู่ใกล้แหล่งสารพิษ
– ไม่ถูกแสงแดดจัดเกินไป สามารถปลูกแซมระหว่างไม้ยืนต้นได้
***ส่วนใหญ่ นิยมปลูกในกระถาง หรือภาชนะปลูก ที่มีขนาดใหญ่ และระบายน้ำได้ดี***
การเตรียมกล้า
– แช่เมล็ดพันธุ์ในน้ำอุ่น (อุ่น พอใช้มือจุ่มได้) 1 คืน
– ย่อยวัสดุปลูก ซึ่งสามารถเลือกใช้ดินเพาะที่มีจำหน่ายตามร้านต้นไม้ทั่วไป
– ใส่วัสดุปลูกลงในแปลงเพาะ หรือถาดเพาะกล้า หยอดเมล็ดพันธุ์ แล้วรดน้ำพอชุ่มด้วยฝักบัวหรือหัวฉีดฝอยละเอียด
– เมล็ดพันธุ์จะใช้เวลาในการงอก หรือแทงยอดขึ้นมาประมาณ 20 ถึง 30 วัน จึงย้ายต้นกล้ามาปลูกในกระถางหรือ
– แปลงปลูกที่เตรียมดินไว้ ระหว่างที่รอต้นกล้างอก ต้องไม่ให้ขาดน้ำ รดน้ำทุกวัน ทั้งเช้าและเย็น
การเตรียมดินและแปลงปลูก
– ขุดหลุมสำหรับปลูกมะเขือหยกภูพานแต่ละหลุมลึกประมาณ 20 เซนติเมตร ระยะห่างระหว่างแถว 75 เซนติเมตร และ
– ระยะห่างระหว่างต้น 75 เซนติเมตร
– โรยปุ๋ยคอก หรือ ปุ๋ยหมักลงก้นหลุมคลุกกับดินให้เข้ากัน จากนั้นจึงนำต้นกล้ามะเขือลงปลูก
– กลบดินให้แน่น รดน้ำพอชุ่ม
– ถ้าปลูกใส่กระถางหรือภาชนะ ก็ทำตามขั้นตอนเดียวกัน เพียงแต่ลดปริมาณปุ๋ยคอกลงให้เหมาะสมกับขนาดภาชนะ
การดูแลหลังการปลูก
การให้น้ำ
รดน้ำทุกวันๆ ละ 2 ครั้ง ในช่วงเช้า มะเขือหยกภูพานเป็นพืชที่ต้องการน้ำมาก แต่ระวัง อย่าให้ท่วมขังโคนต้น เพราะจะเป็นสาเหตุให้รากของต้นมะเขือหยกภูพานเน่าได้
การให้ปุ๋ย
เมื่อครบ 15 วันที่นำลงแปลงปลูก ให้ใส่คอกหรือปุ๋ยหมัก ที่บริเวณโคนต้น สักประมาณ 2 กำมือ
***มะเขือหยกภูพานจะเริ่มออกดอก ประมาณ 45 วันหลังจากนำลงแปลงปลูก เมื่อมีอายุถึง 60 วัน ผลมะเขือก็จะเริ่มโตขึ้นประมาณ 1 คืบ***
การทำราวกั้น
เมื่อมะเขือเริ่มออกผล ให้ทำราวไม้ไผ่ช่วยค้ำต้นมะเขือหยกภูพานไว้ เพื่อกันต้นล้
การกำจัดแมลงศัตรูพืช
ใช้กาวดักแมลง กำจัดศัตรูพืช ซึ่งสามารถหาซื้อได้ตามร้านจำหน่ายอุปกรณ์การเกษตรทั่วไป หรือทำได้ด้วยตนเอง ติดตามสูตรในบทความ “เคล็ดลับลดต้นทุน หนุนเกษตรกรรวย” เมื่อครบ 90 วัน ผลมะเขือหยกภูพานที่ปลูก ก็จะโตเต็มที่ สามารถเก็บไปรับประทาน หรือ จำหน่ายได้ ตามต้องการ
การป้องกันและแก้ไข โรคและแมลงศัตรูมะเขือ
อ่านบทความ โรคมะเขือ และบทความ แมลงศัตรูมะเขือ
คำแนะนำในการรับประทาน มะเขือหยกภูพาน
การรับประทาน มะเขือหยกภูพาน สามารถรับประทานได้หลายวิธี เช่น ต้ม ผัด แกง ทอด ในการทอดหรือเผานั้น ควรฝานเป็นชิ้นเล็ก หรือบาง เพื่อให้สุกถึงด้านใน ถ้าทอดหรือเผาทั้งลูก จะสุกเฉพาะข้างนอก แต่ข้างในดิบ หรือถ้ารอให้ข้างในสุก ข้างนอกก็จะไหม้ได้
แหล่งข้อมูล : www.thaikaset.com, หนังสือ แนวทาง…และแบบอย่างการเพาะปลูกสารพัดมะเขือทำเงิน