วันนี้จะพูดถึงวิธี การหาตลาดพืชเกษตรสำหรับมือใหม่ นะครับ อาจเป็นพืชผัก หรืออะไรก็ได้ เพื่อต่อยอดสู่มืออาชีพครับ การทำเราทำอะไรซักอย่าง สิ่งหนึ่งที่ต้องคำนึงถึง คือการมีตลาดรองรับ เราอาจปลูกพืชผลเกษตรเพื่อรับประทานในครอบครัวก่อน เมื่อชำนาญแล้วก็ค่อยหาช่องทางตลาดครับ ซึ่งผมสรุปมาแล้ว 7 ข้อ จากประสบการณ์ที่ไปเจอมาจริงครับ คุณจะได้ไม่ต้องเสียเวลา ว่าแล้วเริ่มกันเลยจากข้อแรกครับ สำหรับการหาตลาดด้วยตัวเอง
1. ออกสำรวจตลาด
คุณอาจจะออกเดินสำรวจตลาดสดแถวบ้านก่อน หรือตลาดในแต่ละท้องที่ ซึ่งมีความต้องการที่ต่างกัน เช่น ในภาคอีสานกับภาคใต้ จะมีความต้องการผักที่ต่างกัน หรือในชุมชนที่มีผู้คนกินเจ จะมีความต้องการผักค่อนข้างสูง สำรวจดูว่าผักอะไรขาด หรือยังมีราคาแพง กลับมาแล้วลองศึกษาวิธีปลูก และลองทำเลยครับ คิดได้ให้ทำเลย ผมถือคตินี้มาเสมอ อย่ารอให้พร้อม เพราะมันจะไม่มีโอกาสทำเลย ถ้าคุณจะเอาจริงกับตลาดนี้ หรืออาจไปดูที่ห้างใหญ่ ๆ ก็ได้ครับ โลตัส บิ๊กซี แม็กโคร ท็อปซุปเปอร์มาเก็ต ฯ ดูให้ครบครับ ไม่ว่าจะเป็นตัวผลิตภัณฑ์พืชผักต่าง ๆ แม้กระทั้งแพ็กเก็จ บางครั้งที่ผู้บริโภคตัดสินใจซื้อก็เพราะแพ็กเก็จนี้แหละครับ แล้วเราค่อยมาปรับให้เข้ากับของเรา ดูทั้งทีเอาให้ครบเลยครับ
2. เตรียมผลิตภัณฑ์
ไม่ว่าคุณกำลังปลูกอะไรอยู่ก็ตาม แล้วอยากขายหรือหาตลาดให้ได้ สิ่งที่คุณต้องทำคือ ฝึกฝน ทำซ้ำแล้วซ้ำอีก อาจใช้เวลา 1-2 เดือน หรืออาจมากกว่านั้น ลองให้คนในครอบครัวทาน ศึกษาให้ครบรอบด้านเกี่ยวกับสิ่งที่ปลูก เช่นปลูกคะน้า ก็ต้องศึกษาว่าธรรมชาติของคะน้า ชอบน้ำ ดินและอากาศแบบไหน ศัตรูพืชและแมลงมีอะไรบ้าง ถ้าต้องปลูกส่งขายวันละ 10-20 กก. จะวางแผนอย่างไร นี่พูดถึงแค่ผักชนิดเดียวนะครับ คุณอาจปลูก 2-3 อย่าง เพื่อเป็นเกษตรผสมผสาน เผื่อราคาตัวหนึ่งไม่ดี ก็ยังมีตัวหนึ่งพยุงไว้อยู่ ศึกษา เรียนรู้ ลงมือทำ แก้ไขไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะลงตัว ทำไปอยู่อย่างนี้ครับ และสิ่งที่คุณทำเหล่านี้จะทำให้คุณเป็นที่หนึ่งในอาชีพที่คุณทำ
3. ตั้งชื่อให้ดี
อาจจะตั้งชื่อเกี่ยวกับสิ่งที่เราทำครับ ลงท้ายหรือขึ้นต้นด้วย ฟาร์ม ไร่ แปลง อะไรก็แล้วแต่คุณ ที่เป็นแบรนด์ของคุณเอง เป็นชื่อที่สื่อความหมาย โดยให้สอดคล้องกัน เพื่อให้คนจำได้ครับ
4. เลือกเป้าหมาย
หลังจากที่เราสำรวจตลาดแล้ว ก็เลือกเลยครับว่าเราจะนำสินค้าไปเสนอแก่ใคร อาจเป็นแผงผักในตลาดสด ซึ่งถ้าเป็นแผงเล็กเขาอาจจะปลูกเองขายเอง แต่ถ้าเป็นแผงส่ง เขาต้องมีการรับมาครับ นี้เลยเป้าหมายเรา ซึ่งอาจจะเป็นพ่อค้าคนกลางอีกทีก็ได้ครับ หรือจะเลือกส่งตามร้านอาหารตามสั่ง ร้านข้าวต้ม ร้านเนื้อย่างหมูกะทะครับ และสุดท้ายคือตามห้างใหญ่ ๆ ครับ อย่างโลตัสกับบิ๊กซีเขาจะมีศูนย์รับและกระจายสินค้าประจำภาคครับ ถ้าอยู่ใกล้แถวนั้นลองไปเสนอดูเลยครับ ส่วนแม็กโครและท็อปซุปเปอร์มาเก็ต เขาจะรับหน้าห้างครับ ลองติดต่อดู ถ้าสินค้านั้น ๆ ไม่มีใครส่ง เราจะมีโอกาสสูงครับ ให้ติดต่อหัวหน้าฝ่ายรับสินค้าได้เลย เราอาจะเลือกทุกที่เลยก็ได้นะครับ เมื่อได้แล้วไปข้อต่อไปกันเลยครับ
5. พกความมั่นใจ
ตามตัวเลยครับ มั่นใจในสิ่งที่เราทำ หายใจลึก ๆ ไม่ต้องตื่นเต้น ไม่ต้องอาย ของอย่างนี้ต้องลงมือทำครับอย่างที่บอก เสนอที่แรกอาจจะประหม่าหน่อย คิดก่อนที่จะพูดออกไป จุดสำคัญก็คือการขายของเราครับ ถ้าสินค้าเราดี แต่เรานำเสนอไม่ดีหรือเราตื่นเต้นพูดผิดพูดถูกก็จบครับ ของอย่างนี้ต้องซ้อมครับ กับกระจกที่บ้านก่อนก็ได้ แต่ถ้าครั้งแรกผ่านไปแล้ว ครั้งที่สองสามสี่จะง่ายขึ้นมากครับ
6. นำเสนออย่างมืออาชีพ
อย่างไหนถึงจะเรียกว่ามืออาชีพ ก็สิ่งที่เราทำหรือปลูกซ้ำ ๆ นั่นแหละครับ มืออาชีพแล้ว ทีนี้ก็เหลือแต่นำเสนอ ก็จะไหนซะอีกครับ ก็สิ่งที่เราทำอยู่ทุกวันนั้นไง รู้ลึก รู้จริง ในสิ่งที่เราทำ ค่อย ๆ พูดออกไป คิดก่อนพูด คุยรายละเอียดต่าง ๆ ว่าเราทำอะไร ปลูกอะไร จะส่งให้ราคาไหน ส่งได้วันละกี่กิโล ซึ่งในที่นี้เราต้องส่งราคาส่งที่เราอยู่ได้นะครับ อาจส่งให้หลายตัว
เพื่อกระจายรายได้ออกไป ซึ่งผมหมายถึงราคาส่งที่เราอยู่ได้และเขารับได้นะครับ อาจจะอ้างอิงจากราคากลางในการรับซื้อครับ ลองคุยหลายที่ ห้ามท้อเด็ดขาด แต่ถ้าเรามีแผงเอง หรือมีญาติที่ขายอยู่แล้ว เราอาจจะฝากขายก็ได้ครับ ค่อย ๆ ขยับขยาย เรียนรู้การปลูก การดูแล การขาย การตลาดไปพร้อม ๆ กันครับ ในที่นี้ผมแนะนำให้คุยตั้งแต่แผงเล็ก แผงส่ง ไปจนถึงในห้างเลยนะครับ ไหน ๆ มาถึงจุดนี้แล้ว ลุยให้เต็มที่เลย แล้วคุณจะรู้ว่ามันไม่ยากอย่างที่คิด ผมลองมาแล้ว
7. พกนามบัตรให้เป็นนิสัย
ประสบการณ์ในการหาตลาดของผมก็คือ เขาจะขอนามบัตรของเราเพื่อจะติดต่อกลับครับ อันนี้ในกรณีให้ห้างใหญ่ที่ผมไปติดต่อ แล้วผมก็คิดในใจว่า “เฮ้ย…. ลืมได้ยังไงเนี้ย” ไม่ใช่ลืมติดตัวไปนะครับ แต่ดันลืมทำไปเลยเพราะคิดไม่ถึง มั่วแต่คิดการนำเสนออยู่ จากประสบการณ์ที่ผ่านมาจึงอยากจะบอกว่า ให้คุณเตรียมนามบัตรไปด้วย เพื่อให้เขาสามารถติดต่อกลับได้ครับ ใส่ชื่อ-นามสกุล เบอร์โทร ปลูกอะไร ขายอะไร ถ้าคุณมี Faneface ใน facebook ก็ให้ใส่ QR-Code สำหรับส่องไปโลดครับ เพื่อให้เขาเห็นสิ่งที่คุณทำ สะดวกดี เพราะนามบัตรจะเป็นเครื่องนำทางให้ในผู้คนสามารถติดต่อกลับมาหาเราได้ครับ อ้อ แล้วอย่าลืมขอนามบัตรเขาไว้ด้วยนะครับ เผื่อเราจะติดต่อเขาไปอีก
ที่มา : yimkwangkwang