ปลูกผักสลัดหน้าแล้ง ภูมิใจฟาร์ม กูรูด้านผักผักสลัดบนแปลงดิน
สวัสดีครับ และตอนนี้ผมอยู่ที่ “ภูมิใจ ฟาร์ม” ช่วงนี้นี้ฝนก็ทิ้งช่วงไปนานแล้ว แต่ที่ภูมิใจฟาร์มยังเขียวชอุ่มอยู่ได้ เลยพามาดูกันว่าผักที่นี่ยังเขียวสดงดงามขนาดไหนครับ ผักกำลังน่าท่าน หวานกรอบมากนะค่ะ และกำลังเริ่มตัดส่งให้ลูกค้าไปแล้ว และเย็นนี้ก็ว่าจะทำสลัดกิน
เรามาทำความรู้จักกับ กรีนโอ๊ค (Green Oak Lettuce) และ เรดโอ๊ค (Red Oak Lettuce) กัน
กรีนโอ๊ค (Green Oak Lettuce)
เป็นผักตระกูลผักสลัด มีลักษณะเป็นผักใบหยักสีเขียวอ่อน รูปทรงสวยเป็นพุ่ม รสชาติหวานกรอบคล้ายผักกาดหอม ซึ่งจะตรงกันข้ามกับเรดโอ๊ค (Red Oak Lettuce) ที่มีใบเป็นสีแดง ช่วงอายุที่เหมาะสำหรับนำมารับประทาน 40-45 วัน นิยมทานสดเพราะมีคุณค่าทางสารอาหาร ช่วยในการสร้างเม็ดเลือด บำรุงสายตา บำรุงเส้นผม บำรุงประสาทและกล้ามเนื้อ โดยปกติจะนิยมนำมาทำเป็นอาหารคู่กับ เรดโอ๊ค หรือ ผักสลัดชนิดอื่นๆ เพื่อเพิ่มความสวยงามน่ารับประทานมากยิ่งขึ้น
กรีนโอ๊ค (Green Oak Lettuce) ที่ปลูกในระบบไฮโดรโปนิกส์ เมื่อมีอายุได้ 45 วัน มีน้ำหนักอยู่ในช่วง 150 – 200 กรัม ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศและพันธุ์ที่ปลูก
ราคาจำหน่ายของ กรีนโอ๊ค (Green Oak Lettuce) ราคาขายปลีกจะอยู่ที่ประมาณ 100 บาท/กิโลกรัม (อาจสูงหรือต่ำกว่านี้ขึ้นอยู่กับฤดูกาล) หรือถ้าขายเป็นต้นประมาณ 20-25 บาท/ต้น บางที่อาจจะขายพร้อมน้ำสลัด การซื้อผักสลัดจากฟาร์มโดยตรงจะมีข้อดีหลายอย่าง เช่น การได้รู้จักกับคนปลูกผักโดยตรงทำให้มั่นใจเรื่องคุณภาพของผัก ได้เห็นกรรมวิธีการปลูก ได้เห็นสภาพแวดล้อมของฟาร์มเพื่อสร้างความมั่นใจว่าผักสลัดที่เรารับประทานไม่มีสารตกค้างจากการใช้ยาฆ่าแมลงหรือสารเคมีกำจัดเชื้อโรคต่างๆ และที่สำคัญกว่านั้นคือผักจะสดกว่าซื้อในห้างหรือตลาดค้าส่ง
เรดโอ๊ค (Red Oak Lettuce)
เป็นผักตระกูลผักสลัด มีลักษณะเป็นผักใบสีแดงเข้ม ซึ่งจะตรงข้ามกับกรีนโอ๊คที่ใบและต้นเป็นสีเขียว อายุที่เหมาะสำหรับเก็บรับประทานคือ ช่วง 40-45 วัน เป็นผักที่มีใบซ้อนกันเป็นชั้น ปลายใบหยิกแยกเป็นแฉก เป็นพุ่มหยักสีสวยงาม นอกจากนี้ยังมีกากใยอาหารมากมาย ซึ่งช่วยในเรื่องระบบการย่อย บำรุงสายตา บำรุงกล้ามเนื้อ ป้องกันโรคปากนกกระจอก ช่วยล้างผนังลำไส้ กำจัดพวกไขมัน มีธาตุเหล็กและวิตามินซีสูง นิยมใช้ทำอาหารประเภทสลัดคู่กับกรีนโอ๊คเพื่อเป็นการเพิ่มสีสันให้อาหารสวยงามขึ้น
ราคาของผักสลัดเรดโอ๊ค จะขึ้นอยู่กับฤดูกาล ช่วงหน้าร้อนและหน้าฝน จะเป็นช่วงที่ผักขาดตลาด ราคาจะปรับขึ้นแพงกว่า 100 บาท ส่วนในช่วงหน้าหนาวผักจะล้นตลาด ทำราคาปรับลงถูกกว่า 100 บาท ดังนั้นกลุ่มร้านอาหารมักจะแก้ปัญหาการผันผวนของราคาผักสลัดด้วยการทำสัญญากับฟาร์มผักให้ซื้อขายกันในราคาเดียวทั้งปีก็มี กลายเป็นผลดีต่อทั้งคู่
– ร้านอาหารจะมีต้นทุนวัตถุดิบคงที่ และเป็นการการันตีว่าจะมีผักไว้ทำอาหารให้ลูกค้าไม่ว่าจะเป็นฤดูการที่ผักขาดตลาดก็ตาม
– ฟาร์มผักจะได้ออเดอร์ที่แน่นอนทั้งปี ทำให้วางแผนการปลูกผักได้แม่นยำขึ้น ในช่วงที่ผักล้นตลาดก็ยังมีลูกค้าประจำที่รับซื้อผักอยู่
ติดตาม : ผู้ใหญ่พนม บ้านพุม่วง