Site icon วีดีโอ เกษตร VDO Kaset

สร้างฟาร์มขนาดเล็ก ในพื้นที่ไม่ถึง 15 ตารางเมตร

วีดีโอ เกษตร : สร้างฟาร์มขนาดเล็ก ในพื้นที่ไม่ถึง 15 ตารางเมตร

สาหร่ายพวงองุ่น “Green Caviar”
สาหร่ายทะเลเป็นอาหารที่นิยมบริโภคในต่างประเทศมาเป็นเวลานาน ประเทศที่นิยมบริโภคสาหร่ายทะเล ได้แก่จีน ญี่ปุ่น เกาหลี ฟิลิปปินส์เป็นต้น นอกจากนี้สาหร่ายทะเลยังมีประโยชน์หลากหลาย ไม่ว่าจะใช้ในอุตสาหกรรมอาหาร เป็นส่วนประกอบของเครื่องสาอางค์ปุ๋ย ยารักษาโรค อาหารสัตว์ เป็นต้น ในปัจจุบันมีการนิยมบริโภคสาหร่ายทะเลมากขึ้น เนื่องจากสาหร่ายทะเลมีคุณประโยชน์มากมาย จัดเป็นอาหารสุขภาพประเทศที่มีการเลี้ยงและส่งออกสาหร่ายมีหลายประเทศ เช่น ประเทศจีน เวียดนาม แคนาดา ฟิลิปปินส์เป็นต้น ในประเทศไทยนั้นมีการบริโภคสาหร่ายทะเลในจังหวัดทางภาคใต้และภาคตะวันออก โดยรับประทานแทนผัก ในปัจจุบันกรมประมงสามารถเพาะเลี้ยงสาหร่ายทะเลได้หลายชนิด โดยหนึ่งในนั้น ได้แก่สาหร่ายพวงองุ่นซึ่งเป็นสาหร่ายที่มีคุณค่าทางอาหารสูงและเป็นหนึ่งในอาหารยอดนิยมของชาวญี่ปุ่น

สาหร่ายพวงองุ่น เป็นสาหร่ายทะเลสีเขียว (green algae) หรือมีชื่อสามัญว่า Sea Grapes หรือGreen Caviar เนื่องจากมีเม็ดกลมและเป็นช่อคล้ายพวงองุ่น หรือคล้ายไข่ปลาคาร์เวียร์ นอกจากนี้ยังมีชื่อเรียกว่า Lelato, Ararusip, Lato ชาวญี่ปุ่นเรียกสาหร่ายชนิดนี้ว่า umibudo มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Caulerpalentillifera J. Agardh อยู่ในครอบครัว Caulerpaceae เป็นสาหร่ายที่มีการแพร่กระจายอยู่ในเขต tropicalและ subtropical พบได้ในประเทศอินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ไทย เวียดนามและญี่ปุ่น นอกจากนี้ยังแพร่กระจายไปเขตร้อน ได้แก่เคนยา มาดากัสการ์มอริเซียส โมแซมบิก โซมาเลีย อาฟริกาใต้แทนซาเนียและปาปัวนิวกินีเจริญเติบโตได้ดีในน้าที่มีสารอาหารบริบูรณ์และแสงแดด มีลักษณะคล้ายองุ่น สีเขียวสด มีคุณค่าทางอาหารสูงจัดเป็นอาหารทะเลที่สาคัญในญี่ปุ่นและฟิลิปปินส์ มีทั้งการเก็บเกี่ยวจากธรรมชาติและจากการเลี้ยงในบ่อดินการเลี้ยงแบบเชิงพาณิชย์ในจังหวัดโอกินา เริ่มต้นในปี1986 (Trono and Toma, 1993)

ลักษณะทางกายภาพ
ทัลลัสประกอบด้วยสโตลอนที่คืบคลานไปตามพื้นและแตกแขนงได้ แขนงตั้งตรงสูง 1-6 ซม.ประกอบด้วยรามูลัสที่เป็นเม็ดกลม เส้นผ่าศูนย์กลาง 1.5-2 มม. มีก้านสั้น ๆ เรียงกันคล้ายช่อพริกไทย แต่ละรามูลัสมีรอยคอดระหว่างก้านและส่วนที่เป็นเม็ดกลมสีเขียวใส ขึ้นบนก้อนหิน หรือพื้นทรายที่น้าตื้น ๆ ใกล้แนวปะการัง (Lewmanomont and Ogawa 1995) นอกจากนี้สามารถพบได้ในพื้นทรายปนโคลน และสามารถปรับสภาพให้เจริญเติบโตได้ดีในบ่อเลี้ยง แต่ไม่สามารถทนทานต่อน้าจืด

สาหร่ายพวงองุ่นเป็นหนึ่งในสาหร่ายที่รับประทานได้ของประเทศไทย (กาญจนภาชน์, 1978)สาหร่ายชนิดนี้อุดมด้วยแร่ธาตุและวิตามินหลายชนิด ทั้งกรดไขมัน PUFA วิตามินบี2 วิตามินอีและเกลือแร่ได้แก่ I, P, Zn, Ca, Mg, Se, Fe, Mn, Co มีลักษณะคล้ายองุ่น เนื่องจากมีรสชาติดีและมีคุณค่าทางอาหารจึงจัดเป็น 1 ใน 5 อาหารแนะนาสาหรับผู้ที่ไปเยือนเมืองโอกินาว่า เป็นอาหารสุขภาพ ชาวโอกินาว่าเชื่อว่าการรับประทานสาหร่ายทะเล ช่วยให้หายป่วยได้เร็วขึ้น เนื่องจากมีวิตามินเอ วิตามินซีและเกลือแร่สูง เป็นแหล่งสาคัญของแมกนีเซียม ที่ช่วยลดความด้นโลหิต และป้องกันโรคหัวใจล้มเหลว ช่วยต้านมะเร็ง ไอโอดีนสูงจึงช่วยผู้ป่วยที่เป็นโรค ไทรอยด์ (http://www.onlyfoods.net/caulerpa-lentillifera.html)

นิยมบริโภคกับอาหารทะเล รับประทานสดแทนผัก สลัด ตกแต่งจานอาหาร อีกทั้งยังเป็นอาหารที่มีราคาแพง

คุณค่าทางอาหารของสาหร่าย C. lentillifera (Ratana-arporn and Chirapart , 2006)

องค์ประกอบทางเคมีอย่างหยาบ
โปรตีน – 12.49 กรัม
ไขมัน – 0.86 กรัม
เยื่อใย – 3.17 กรัม
เถ้า – 24.2 กรัม
คาร์โบไฮเดรต – 59.27 กรัม
ความชื้น – 25.31 กรัม

เกลือแร่
ฟอสฟอรัส – 1030 กรัม
โปแตสเซียม – 970 กรัม
แคลเซียม – 780 กรัม
แมกนีเซียม – 630 กรัม
สังกะสี – 2.6 กรัม
แมงกานีส – 7.9 กรัม

เหล็ก
เหล็ก – 9.3 กรัม
ทองแดง – 2200 กรัม
ไอโอดีน – 1424 กรัม

วิตามิน
E – 2.22 กรัม
C – 1.00 กรัม
Thiamin – 0.05 กรัม
Riboflavin – 0.02 กรัม
Niacin – 1.09 กรัม

นอกจากนี้สาหร่าย C. lentillifera ยังมีกรดอะมิโนจาเป็นเกือบ 40% ของกรดอะมิโนรวม ซึ่งใกล้เคียงกับในไข่และโปรตีนถั่วเหลือง และมีกรดอะมิโนชนิด aspartic และ glutamic สูงประมาณ 25% ของปริมาณกรดอะมิโนทั้งหมดทาให้สาหร่ายมีกลิ่นและรสเฉพาะตัว

การเลี้ยงสาหร่าย
ประเทศฟิลิปปินส์ มีการเลี้ยงสาหร่ายพวงองุ่นทั้งในบ่อดินและบ่อน้าธรรมชาติ ในประเทศไทยนั้นกรมประมงริเริ่มการเลี้ยงสาหร่ายชนิดนี้ตั้งแต่ปี 2536 โดยปลูกในบ่อพักน้าชีวภาพ นัจจุบันสามารถเลี้ยงมีปริมาณมากเพื่อการขยายผลเชิงพาณิชย์ไ

รูปแบบการเลี้ยง สามารถเลี้ยงได้ 3 รูปแบบ ได้แก่ ระบบการเลี้ยงในบ่อพักน้าแบบธรรมชาติ ระบบการเลี้ยงในบ่อดินหรือบ่อเลี้ยงสัตว์น้า เช่น บ่อเลี้ยงกุ้ง หรือบ่อเลี้ยงปลา และระบบการเลี้ยงในบ่อคอนกรีต

การเลี้ยงสาหร่ายในบ่อดิน

ขั้นตอนการปลูกและการจัดการสาหร่ายในบ่อดิน
1. การปลูกสาหร่าย ปลูกได้ทั้งแบบหว่านและแบบปักชา โดยในช่วงเริ่มต้นปลูกครั้งแรก เติมน้าความเค็ม 27-30 ส่วนในพัน ประมาณ 40 เซนติเมตร เมื่อปลูกแล้วประมาณ 1 สัปดาห์จึงค่อยเพิ่มระดับน้าให้อยู่ในระดับที่แสงส่องถึง ขึ้นกับความโปร่งแสงของน้า โดยมากรักษาระดับน้าให้มีความลึกประมาณ 60-100 ซม. แบบปักชามีข้อดีกว่าแบบหว่าน เนื่องจากสาหร่ายจะมีอัตราความหนาแน่นที่ใกล้เคียงกันและควบคุมความหนาแน่นได้ ทาให้สาหร่ายที่โตมีแขนงที่ยาวและมีขนาดสม่าเสมอ นอกจากนี้สามารถปลูกสาหร่ายบนแผงอวนหรือตาข่ายได้ ทาให้สาหร่ายมีความสะอาดและมีคุณลักษณะดี

2. หลังจากการปลูกประมาณ 1-2 เดือน จะสามารถเก็บเกี่ยวสาหร่ายได้และความถี่ในการเก็บเกี่ยว 2 สัปดาห์ต่อครั้ง

3. การจัดการระบบน้า ควรมีการสูบน้าเข้าบ่อเลี้ยงประมาณ 2 ครั้งต่อสัปดาห์หรือดัดแปลงบ่อด้วยการติดตั้งท่อน้าเข้าออกแบบมีลิ้นปิดเปิดตามระดับน้าธรรมชาตินอกจากนี้ความถี่ในการสูบน้าเข้ายังขึ้นกับอายุการเลี้ยงและความหนาแน่นของสาหร่ายเพื่อเพิ่มสารอาหารธรรมชาติการหมุนเวียนน้า และการรักษาระดับน้าในบ่อเลี้ยง

4. อาจติดตั้งเครื่องตีน้ารอบช้าหรือระบบยกน้าเพื่อเพิ่มการหมุนเวียนน้าและป้องกันการแบ่งชั้นของน้า และติดตั้งท่อระบายน้าผิวบนออก ในฤดูฝน

5. เพื่อป้องกันการบังแสงและแก่งแย่งสารอาหาร ควรสุ่มตรวจความหนาแน่นของสาหร่าย โดยอัตราความหนาแน่นที่เหมาะสมประมาณ 1 กิโลกรัมต่อตารางเมตร ทยอยเก็บเกี่ยวทุก 2สัปดาห์และคงปริมาณไว้ประมาณ 25% ของปริมาณตั้งต้น หากสาหร่ายแน่นเกินไป ให้นาไปหว่านบริเวณอื่น

6. การกาจัดและป้องกันศัตรูของสาหร่าย หมั่นเก็บสาหร่ายชนิดอื่นหรือ epiphyte ที่เกิดขึ้นในบ่อเมือ่น้าตื้นเกินไป ดังนั้นการรักษาระดับน้าเพื่อให้แสงส่องถึงในระดับที่เหมาะสมจึงเป็นสิ่งสาคัญ

ผลผลิต
ในระบบการเลี้ยงในบ่อดินและปลูกบนแผงตาข่าย ขนาด 0.1 ตร.ม. มีปริมาณสาหร่ายเริ่มต้น 2.5 กิโลกรัม สามารถเลี้ยงให้มีน้าหนักที่เพิ่มขึ้น 45% ของน้าหนักตั้งต้น หรือ1.25 กิโลกรัมต่อแผงต่อ 2 สัปดาห์เทียบเท่าผลผลิต 12.5 กิโลกรัมต่อตารางเมตรต่อ 2 สัปดาห์โดยน้าเลี้ยงควรมีสารอาหารและคุณสมบัติดังนี้แอมโมเนียรวมไม่น้อยกว่า 0.05 ppm pH ช่วงกว้าง 8-9 , แอลคาไลนิตี้120-140 มิลลิกรัมต่อลิตร ความเค็ม 27-33 ส่วนในพัน อุณหภูมิประมาณ 25-30 องศาเซลเซียส

ในระบบการเลี้ยงในบ่อคอนกรีตและปลูกบนแผงตาข่ายขนาด 0.1 ตร.ม. มีปริมาณสาหร่ายเริ่มต้น 2.5 กิโลกรัม มีน้าหนักเพิ่มขึ้น 30% ของน้าหนักตั้งต้น หรือ 750 กรัมต่อแผงต่อ 2 สัปดาห์เทียบเท่า 7.5 กิโลกรัมต่อตารางเมตรต่อ 2 สัปดาห์ ผลผลิตในบ่อคอนกรีตน้อยกว่าบ่อดินเนื่องจากมีข้อจากัดของสารอาหาร โดยปริมาณแอมโมเนียไม่ควร 0.05 ppm และควรมีการเติมน้าอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง ส่วนคุณภาพน้าอื่น ๆ เช่นเดียวกับในบ่อคอนกรีต

รูปแบบการบริโภค
รับประทานสลัด รับประทานกับซูชิเป็นส่วนประกอบใน salmon roll และอาหารทะเลต่างๆ รับประทานกับมันฝรั่ง ปรุงเหมือนไข่ปลาคาร์เวียร์

เนื้อหา : www.fisheries.go.th
คลิป : ผู้ใหญ่พนม บ้านพุม่วง
ติดตาม : https://www.youtube.com/watch?v=9PyXHvvVnXw

Exit mobile version